ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 202
พระแม่เภรีคิดว่า “บัดนี้เกียรติคุณของท่านมหาบัณฑิตได้เป็นที่ประจักษ์แก่เหล่าข้าราชบริพารทั้งหลายแล้ว แต่เกียรติคุณของท่านมหาบัณฑิตจะปรากฏเพียงนี้หาควรไม่ เราจักต้องทำให้ปรากฏในท่ามกลางชาวเมืองทั้งสิ้น ให้เป็นประหนึ่งว่าประพรมน้ำมนต์รดทั่วมหาสมุทรทีเดียว”
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 201
พระแม่เภรีได้ฟังเหตุผลนั้นแล้ว จึงทูลถามถึงโทษของพราหมณ์เกวัฏเป็นลำดับต่อไป "ขอถวายพระพร ท่านปุโรหิตเกวัฏมีอุปการะแก่พระองค์มากทีเดียว ท่านเป็นผู้ฉลาดสามารถ เชี่ยวชาญในคัมภีร์พระเวท รอบรู้ในการทำนายทายทัก เรื่องสุบินนิมิต เรื่องฤกษ์ยาม โดยเฉพาะฤกษ์ยามในการยกทัพและในการเข้ารบ รู้แม้กระทั่งเสียงร้องของสัตว์ทั้งหลาย บุคคลเช่นท่านเกวัฏนี้หาไม่ได้ง่ายเลย"
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 200
ในจำนวนอำมาตย์ที่รับใช้อยู่ในราชสำนักของฉัพภิพราหมณ์นั้น ยังมีอำมาตย์ผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ซึ่งยังมีความจงรักภักดีต่อราชวงศ์กษัตริย์จุลนีเสมอมาอย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย ยิ่งได้เห็นการกระทำของฉัพภิพราหมณ์ที่พยายามเกลี้ยกล่อมบรรดาข้าราชบริพารทั้งหลายให้หันมาภักดีต่อตนด้วยการเอาทรัพย์เข้าล่อ ก็ยิ่งโหมกระพือความรู้สึกอยากจะแก้แค้นฉัพภิพราหมณ์ให้เพิ่มมากขึ้น จึงได้คอยหาทางกำจัดฉัพภิพราหมณ์ผู้ทรยศตลอดมา
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 198
นอกจากพระจุลนีราชกุมาร จะได้ธนูเสกข์บุตรพ่อครัวเป็นเพื่อนเล่นคู่พระทัยแล้ว พระกุมารยังทรงสนิทสนมคุ้นเคยกับพระนันทากุมารี พระราชธิดาของพระเจ้ามัททราชมากเป็นพิเศษ เพราะเหตุที่ทั้งสองพระองค์ได้พบปะกันบ่อยๆในสนามเด็กเล่น ซึ่งเป็นกรีฑาสถานที่ให้ความสำราญพระทัยของเหล่าราชบุตรและราชธิดานั่นเอง เมื่อต่างได้เห็นหน้ากันทุกวัน ทั้งพระจุลนีราชกุมารและพระนันทาราชกุมารีก็เริ่มมีพระอัธยาศัยต้องกัน
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 197
พระราชบิดาของพระเจ้าจุลนีทรงพระนามว่า มหาจุลนี ท้าวเธอทรงอภิเษกพระนางสลากเทวีเป็นพระมเหสี ต่อมาพระนางสลากเทวีทรงลอบเป็นชู้กับฉัพภิพราหมณ์ จึงได้ปลงพระชนม์พระเจ้ามหาจุลนี แล้วยกราชสมบัติทั้งหมดให้ฉัพภิพราหมณ์ ตั้งแต่พระเจ้าจุลนียังทรงพระเยาว์
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 196
พระมารดาจึงได้ส่งขนมและน้ำอ้อยให้แก่พระกุมารเสวย ขณะนั้นหมู่แมลงวันได้กลิ่นน้ำอ้อย ก็พากันบินมาตอมพระกุมาร จุลนีราชกุมารทรงดำริว่า “เราจักเคี้ยวกินขนมนี้โดยไม่ให้มีแมลงวัน” ครั้นแล้วจึงทรงเลี่ยงไปหน่อยหนึ่ง แล้วหยดน้ำอ้อยลงสู่พื้น พร้อมกับค่อยๆไล่แมลงที่ห้อมล้อมพระองค์อยู่ แมลงวันเหล่านั้นแทนที่จะรุมตอมพระกุมาร ก็พากันไปรุมตอมน้ำอ้อยที่พื้นแทน
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 195
ปัญหาที่พระแม่เภรีทูลถามพระราชานั้น เป็นอุบายที่จะหยั่งน้ำพระทัยของพระองค์ได้เป็นอย่างดี เพราะหากจะถามกันตรงๆว่า มหาบพิตรทรงมีความรักในมโหสถบัณฑิตเพียงไร จริงอยู่ อาจจะถามได้ แต่พระดำรัสที่ตรัสตอบนั้น แม้จะตอบว่า รักยิ่งกว่าชีวิตของพระองค์เอง แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่อาจประกาศความรักและความปรารถนาดีที่พระองค์ทรงมีต่อมโหสถได้อย่างชัดแจ้งเป็นรูปธรรม
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 194
วันหนึ่งพระองค์ลงเรือไปในมหาสมุทรพร้อมด้วยผู้ติดตามอีกหกคน คือ พระชนนี พระนางนันทา พระอนุชาติขิณมนตรี พระสหายธนูเสกข์ ปุโรหิตเกวัฏ และมโหสถบัณฑิต ปรากฏว่าเรือของมหาบพิตรแล่นเข้าไปในเขตของผีเสื้อน้ำตนนั้น มันจึงระเบิดน้ำในมหาสมุทรออกมา แล้วฉุดเรือของมหาบพิตรไว้...ครั้นแล้วจึงข่มขู่มหาบพิตรว่า ท่านจะต้องส่งคนทั้งหกให้เรากินเสีย ตามลำดับ เราจึงจะปล่อยท่านไป
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 193
สตรีทั้งสามนางจึงรีบพากันไปกราบถวายบังคมพระเจ้าจุลนี แล้วทูลเรื่องราวทั้งหมดตามที่พวกตนได้เห็นมา แต่ก็ไม่ลืมที่จะแปลความหมายในสิ่งที่พวกตนเห็นเหมือนอย่างที่พระนางนันทาเทวีตรัสไว้ จากนั้นจึงกราบทูลเสริมอีกว่า “ขอพระองค์อย่าได้ทรงลังเลพระทัยอยู่เลยเพคะ ทางที่ดีควรรีบฆ่ามโหสถเสียโดยเร็ว เพราะหากทรงชักช้าอยู่ก็จะมิทันการณ์นะเพคะ”
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 192
ในพระนครปัญจาละนั่นเอง มีนักบวชหญิงคนหนึ่งเป็นบัณฑิต ฉลาดในอรรถและธรรม นามว่า พระแม่เภรี ซึ่งเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าจุลนีในฐานะนักบวชประจำราชสกุล อยู่มาวันหนึ่ง พระแม่เภรีเข้ามาฉันในวังตามปกติ ครั้นเสร็จภัตกิจแล้ว ก็เดินออกจากวังด้วยท่วงทีสำรวม เป็นเวลาพอดีกับที่มโหสถกำลังจะขึ้นเฝ้าพระเจ้าจุลนี