ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 37
มโหสถจึงได้ตกลงกับบิดาว่า “ขอให้ท่านพ่อพร้อมด้วยอนุเศรษฐีพันหนึ่งเป็นบริวาร จงเดินทางล่วงหน้าไปเฝ้าเจ้าเหนือหัวก่อน ..แต่ว่าเมื่อไปก็อย่าได้ไป มือเปล่า จงเอาผอบไม้จันทน์เต็มด้วยเนยใสติดมือไปถวายด้วย เมื่อพระราชาตรัสปฏิสันถารกับพ่อแล้ว ก็จักตรัสเรียกให้นั่ง ท่านพ่อก็จงหาที่นั่งอันสมควรเถิด
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 36
อาจารย์เสนกะและสหายปุโรหิต เมื่อได้ทราบข่าวด่วนจากพนักงานกรมวังว่า พระราชาทรงเสด็จกลับมาแล้ว ทั้งที่ยังไปไม่ถึงปาจีนยวมัชฌคาม ก็ยิ่งบังเกิดความฉงนใจ ใคร่จะรู้ว่ามีเหตุการณ์อันใดเกิดขึ้น ท้าวเธอถึงได้เสด็จกลับมาเร็วนัก แต่ในขณะเดียวกันก็พากันดีอกดีใจอยู่ที่ไม่น้อย ที่อย่างน้อยๆ ก็มีเหตุให้สามารถประวิงเวลาพระองค์ไว้ได้อีกชั่วระยะหนึ่ง อาจารย์เสนกะก็นึกกระหยิ่มใจว่า “คราวนี้เป็นทีของเราบ้างละ” จึงได้คิดหาเหตุผลเพื่อสนับสนุนสิ่งที่ตนทูลไว้ในครั้งก่อน
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 35
ความริษยานั้น เมื่อมันเข้าครอบงำใจบุคคลใด ก็ย่อมทำให้บุคคลนั้นมีจิตใจคับแคบ ทนไม่ได้เมื่อเห็นผู้อื่นได้ดีมีสุขกว่าตน เร่าร้อนอยู่ด้วยไฟแห่งริษยา จากคนที่มีปัญญามาก มีความสง่าผ่าเผย กลับต้องปิดบังซ่อนเร้นการกระทำที่ไม่ซื่อของตน ก็จะกลายเป็นคนอาภัพไร้ยศศักดิ์ในที่สุด
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 34
ท่านเสนกะกราบทูล เพื่อจะโน้มน้าวพระหฤทัยของพระเจ้าวิเทหราช ให้ทรงเห็นว่า ตนเป็นผู้รักษาเชิดชูพระอิสริยยศของพระองค์ มิยอมปล่อยให้พระบรมเดชานุภาพถูกดูหมิ่นได้โดยประการทั้งปวง พระเจ้าวิเทหราชทรงนิ่งสดับคำพูดของท่านเสนกะที่ กราบทูลมายืดยาว แต่พระพักตร์นั้นกลับทรงนิ่งเฉย มิได้แสดงพระอาการว่าเข้าพระทัยหรือทรงเห็นด้วยแต่อย่างใด
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 33
“พวกพระองค์ได้เพียรพยายาม ทุกวิถีทางเพื่อจะนำสระโบกขรณีมาถวายพระองค์ให้จงได้ แต่เพราะเหตุที่พวกข้าพระองค์เป็นผู้ด้อยปัญญา ด้วยความเขลาจึงสำคัญผิดไปว่า การนำสระโบกขรณีเก่ามาผูกติดกับสระโบกขรณีใหม่นั้น อาจมีช่องทางให้สำเร็จตามประสงค์ได้ พระองค์ผู้สมมุติเทพ ก็พระองค์จักเป็นผู้ยืนยันให้แจ้งชัดในที่นี้ได้หรือไม่ว่า ใครๆ ก็ไม่อาจจะผูกสระโบกขรณีให้ติดกันได้ พระเจ้าค่ะ”
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 32
ชายผู้เป็นหัวหน้ามิได้สะทกสะท้าน ได้กราบทูลอย่างองอาจว่า “หามิได้พระเจ้าค่ะ พระองค์มิได้รับสั่งให้พวกข้าพระองค์ลุยโคลนเช่นนี้ แต่ก่อนหน้านี้ พระองค์ทรงมีพระบรมราชโองการให้ชาวบ้านปาจีนวยมัชฌคามส่งสระมาถวายมิใช่หรือ พระเจ้าข้า”
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 31
พวกราชบุรุษชุดเดิมก็ได้ไปป่าวประกาศให้ชาวบ้านปา จีนยวมัชฌคามทราบว่า “เจ้าเหนือหัวมีพระราชประสงค์จะทรงเล่นน้ำในสระ ดังนั้น ขอให้ชาวบ้านปาจีนวยมัชณคามจงส่งสระโบกขรณีอันดารดาษด้วยบัวเบญจพรรณมาถวาย พระองค์ โดยให้นำมาไว้ในพระราชวัง ภายในชั่วเวลา ๗ วัน หากไม่อาจส่งมาได้ จักต้องถูกปรับสินไหมพันกหาปณะ”
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 30
“คืออย่างนี้พระเจ้าค่ะ... วานนี้พระองค์เพียงแต่รับสั่งให้ฟั่นเชือกทรายมาถวายเส้นหนึ่ง แต่ก็ยังไม่ทรงกำหนดขนาดให้แน่ชัด ว่าจะให้ฟั่นกี่เกลียว และฟั่นในลักษณะใด พวกข้าพระบาทต่างก็ไม่แน่ใจ จึงกลับมาทูลถามขนาดและรูปแบบให้แน่ชัด เพื่อจะได้ทำมาถวายให้ถูกต้องตามพระประสงค์ ดังนั้น ขอพระองค์ทรงโปรดพระราชทานเชือกทรายเส้นเก่าให้พวกข้าพระพุทธเจ้านำไปดู เป็นตัวอย่างสักคืบหนึ่งก็เพียงพอแล้ว พระเจ้าข้า”
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 29
พระราชาทรงปรารถนาจะเล่นชิงช้าพรวนทราย คือ ชิงช้าห้อยที่ทำด้วยเม็ดทรายเนื้อละเอียด ท้าวเธอทรงอ้างเหตุว่า ก่อนนั้นภายในพระราชสำนักเคยมีชิงช้าพรวนทรายอยู่อันหนึ่ง แต่บัดนี้เชือกทรายเส้นเก่าที่ใช้มานาน ก็เริ่มผุขาดลง พระองค์จึงต้องการให้ชาวปาจีนยวมัชฌคามได้ช่วยกันฟั่นเชือกทรายเส้นใหม่มาทำเป็นสายชิงช้า
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 27
ท่ามกลางมหาชนที่มารอรับฟังกันอย่างคับคั่ง “เรา..พระเจ้าวิเทหราช ปรารถนาจะเสวยข้าวเปรี้ยวรสเลิศ ที่หุงด้วยวิธีพิเศษ คือถึงพร้อมด้วยองค์ ๘ อันได้แก่๑.ไม่ให้หุงด้วยข้าวสาร ๒.ไม่ให้หุงด้วยน้ำปกติ ๓.ไม่ให้หุงด้วยหม้อข้าว ๔.ไม่ให้หุงด้วยเตาหุงข้าว ๕.ไม่ให้หุงด้วยไฟปกติ ๖.ไม่ให้หุงด้วยฟืน ๗.ไม่ให้หญิงหรือชายเป็นผู้ยกมา ๘.ไม่ให้นำมาตามทางเดิน