ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 174
เมื่อพระเจ้าวิเทหราช ได้ทรงสดับคำของอาจารย์เทวินทะแล้ว ก็ทรงหวนรำลึกถึงถ้อยคำที่พระองค์ได้เคยบริภาษมโหสถไว้เมื่อคราวก่อน ซึ่งบัดนี้พระองค์ก็ได้ทรงตระหนักแล้วว่ามีเพียงมโหสถเท่านั้น ที่จะช่วยให้พระองค์รอดพ้นจากเหตุการณ์คับขันในครั้งนี้ได้ แต่เมื่อไม่อาจจะตรัสอะไรได้มากไปกว่านี้ ทั้งๆที่มโหสถบัณฑิตก็นั่งอยู่ใกล้ๆ
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 173
มโหสถทราบว่าอาจารย์เสนกะเริ่มจะอ่อนข้อลงแล้ว แต่ก็แสร้งสวนกลับเป็นเชิงข่มขวัญอาจารย์เสนกะว่า “ท่านอาจารย์เสนกะ สิ่งที่ล่วงไปแล้ว จะกลับมาแก้ไขเยียวยาอะไรได้อีก ถึงตอนนี้ข้าพเจ้าคงช่วยอะไรท่านไม่ได้หรอก ท่านสิ...เชิญเถิด เชิญนำเสด็จพระราชาเหาะกลับมิถิลานครตามสะดวกเถอะนะ”
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 172
คำกราบบังคมทูลที่สั้นๆ หนักแน่น และจริงจังของมโหสถบัณฑิต ทำให้พระเจ้าวิเทหราชนั้นทรงตกพระทัยกลัวจนแทบครองพระสติไม่อยู่ เกิดความเร่าร้อนในพระสรีระกาย จนปราณแทบจะดับลงในทันที จึงทรงครวญคร่ำรำพันไปต่างๆนานาว่า “มโหสถเอ๋ย ใจของเราเสียวสั่น สะท้านไหว เหมือนใบโพธิ์ที่ต้องลม บัดนี้ความเร่าร้อนได้เผาลนจิตใจของเราจวนเจียนจะละลาย เหมือนเบ้าหลอมทองที่ถูกสุมอยู่ในเตา"
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 171
ทันใดนั้นเอง ภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า ทำให้พระองค์ถึงกับทรงตกพระทัย เพราะบัดนี้พระนครที่พระองค์ประทับอยู่ ได้ถูกกองทัพมหึมาเคลื่อนกำลังพลเข้าล้อมกำแพงพระนครไว้แล้วโดยรอบ แสงคบเพลิงนับแสนๆ ดวงถูกสาดส่องไปทั่วบริเวณ
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 170
เมื่อทหารเหล่านั้น นำเสด็จกษัตริย์ทั้งสี่พระองค์มาถึงเชิงบันได ก็ช่วยกันเปิดปากประตูอุโมงค์ แล้วทูลเชิญให้เสด็จพระดำเนินไปตามเส้นทางนั้น เมื่อเสด็จเข้าไปสู่ภายในอุโมงค์แล้ว พระนางทอดพระเนตรเห็นทางลับนั้น ก็ทรงมีพระทัยพิศวงยิ่งนัก ถึงกับทรงปรารภขึ้นว่า “เอ...ชอบกลอยู่นะ เราอยู่ที่นี่มานาน ตั้งแต่เกิดมาจนแก่ปูนนี้ ก็ยังไม่เคยลงมาตามทางนี้เลย”
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 169
จากนั้น ทรงมีพระราชบัญชาให้เหล่าเสนาตระเตรียมกองทัพใหญ่ ๑๘กองทัพ พร้อมกับให้สัญญาณแก่พระราชาทั้งร้อยเอ็ดพระองค์ว่า “ถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะร่วมใจกันเด็ดหัวศัตรูผู้ขลาดเขลา เมื่อเผด็จศึกได้แล้ว เราถึงจะกลับมาดื่มฉลองชัยบานกันให้มโหฬารทีเดียว” สิ้นพระกระแสรับสั่งของพระเจ้าจุลนี กองทัพทั้งหมดก็เคลื่อนพลออกจากปัญจาลนครทันที
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 168
พระเจ้าจุลนีทรงมีพระราชบัญชาให้เหล่าเสนาตระเตรียมกองทัพใหญ่ 18กองทัพ พร้อมกับให้สัญญาณแก่พระราชาทั้งร้อยเอ็ดพระองค์ว่า “ท่านทั้งหลาย ถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะร่วมใจกันเด็ดหัวศัตรูผู้ขลาดเขลา หากว่าทุกท่านพร้อมกันแล้ว ก็จงยกทัพออกไปในทันที เมื่อเผด็จศึกได้แล้ว เราถึงจะกลับมาดื่มฉลองชัยบานกันให้มโหฬารทีเดียว”
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 167
การก่อสร้างนครแห่งนี้ ได้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา ๔เดือนเต็ม โดยมีปราการกำแพงล้อมรอบสูงถึง ๑๘ศอก โรงพักพลมีป้อมประตูเรียงรายเป็นระยะสลับด้วยซุ้มประตูเมืองที่มั่นคง ภายในกำแพงเมืองมีโรงช้างโรงม้าและราชพาหนะทั้งหลาย มีสระโบกขรณีโอบล้อมบริเวณพระราชนิเวศน์ มองไกลๆเหมือนที่ประทับนั้นลอยโดดเด่นอยู่เหนือผืนน้ำ
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 166
มโหสถระดมคนงานราว ๖,๐๐๐คน ให้ช่วยกันขุดกรวดทรายและดิน ขนออกมาด้วยกระทงหนังขนาดใหญ่ แล้วเทลงในแม่น้ำจนน้ำขุ่นคลัก แม่น้ำนั้นก็ไหลผ่านไปถึงปัญจาละนคร ชาวเมืองต่างได้รับความเดือดร้อน ก็พากันบ่นอุบว่า “โธ่เอ๋ย ไม่น่าเลย ตั้งแต่มโหสถมานี่ ยังไม่ทันไร ก็สร้างความลำบากให้พวกเราเสียแล้ว น้ำขุ่นคลักอย่างนี้ พวกเราจะไปหาน้ำใสๆ ดื่มกินกันได้ที่ไหน”
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 165
แน่นอนว่าคนเหล่านั้นทั้งหมด ต่างก็ไม่มีใครยอมให้รื้อถอนเรือนของตนเลย ทุกคนต่างต่อรองว่าจะขอจ่ายทรัพย์เป็นค่าสินบนเพื่อขอยกเว้นไม่ต้องรื้อเรือนด้วยกันทั้งสิ้น มโหสถใช้อุบายทำนองเดียวกันนี้ กระทั่งรวบรวมทรัพย์สินบนมาได้ถึง ๙๐ล้านกหาปณะ