เฮือกสุดท้ายของชีวิต (๑)
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผ้าที่เศร้าหมองมีมลทินจับ ช่างย้อม นำเอาผ้าผืนนั้นใส่ลงในนํ้าย้อมใดๆ คือ สีเขียว สีเหลือง สีแดง หรือสีชมพู ผ้านั้นพึงเป็นของมีสีที่เขาย้อมไม่ดี มีสีมัวหมอง เพราะผ้าเป็นของไม่บริสุทธิ์ ฉันใด เมื่อจิตเศร้าหมองแล้ว ทุคติเป็นอันหวังได้ ฉันนั้น ผ้าที่บริสุทธิ์สะอาด ช่างย้อมพึงนำเอาผ้าผืนนั้นใส่ลงในนํ้าย้อมใดๆ คือสีเขียว สีเหลือง สีแดง หรือสีชมพู ผ้านั้นพึงเป็นของมีสี ที่เขาย้อมดี มีสีสด ข้อนั้นเพราะผ้าเป็นของบริสุทธิ์ ฉันใด เมื่อจิตไม่เศร้าหมองแล้ว สุคติเป็นอันหวังได้ ฉันนั้น
กินยาดอง ดับอนาถ ตอนที่ 1
ทันทีที่ลูกชายคุณป้าของตัวลูก ได้ดื่มยาดองเหล้าพร้อมกับเหล้าขาวเข้าไป ฤทธิ์ของยาดองเหล้าและเหล้าขาวก็ได้ไปทำปฏิกิริยาภายในร่างกายของเขา โดยทำให้ระดับแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดมีปริมาณที่มากเกินกว่าที่ร่างกายของเขาจะรับได้
เฮือกสุดท้ายของชีวิต (๒)
นรชนผู้มีอันจะต้องตายเป็นสภาพ ระลึกถึงความดีที่ตนได้ทำแล้วนี้ ย่อมตั้งอยู่ในอริยธรรมในปัจจุบันนี้เอง บัณฑิตทั้งหลายย่อมสรรเสริญนรชนนั้น นรชนนั้นละโลกนี้ไปแล้ว ย่อมบันเทิงในสุคติโลกสวรรค์
กรรมของการไม่เป็นภรรยาที่ดี
คนพาลทำบาปกรรมทั้งหลาย ก็ไม่รู้สึกตัว ผู้มีปัญญาทราม ย่อมเดือดร้อนเพราะกรรมของตนในภายหลัง ดุจถูกไฟไหม้
กรรมของการลบหลู่พระพุทธเจ้า
สรรพชีวิตต้องตาย เพราะความตายเป็นที่สุดของชีวิต เมื่อตายแล้วสัตว์ทั้งหลายจักไปตามกรรม ไปเสวยผลแห่งบุญ และบาปที่ตนได้กระทำไว้ ผู้มีกรรมเป็นบาปจะไปสู่นรก ส่วนผู้มีกรรมเป็นบุญจะไปสู่สุคติ เพราะฉะนั้น บุคคลพึงทำแต่กรรมดีงาม อันจะนำไปสู่สุคติในสัมปรายภพ บุญทั้งหลายที่ได้ทำสั่งสมไว้ ย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลายในปรโลก
สิ่งที่บรรพบุรุษรอคอย
ความวิบัติอันเป็นโทษทางกาย ๓ ประการคือ การฆ่า การลัก การประพฤติผิดในกาม และโทษทางวาจา ๔ ประการคือ พูดโกหก หยาบคาย ส่อเสียด เพ้อเจ้อ และโทษทางใจ ๓ ประการคือ อภิชฌา พยาบาท มิจฉาทิฏฐิ ย่อมมีวิบากเป็นทุกข์
ชีวิตมนุษย์ประเสริฐที่สุด
กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ การกลับได้อัตภาพเป็นมนุษย์ เป็นการยาก
อานิสงส์ทำจิตเลื่อมใสในพระญาณ
เราได้ยังจิตให้เลื่อมใสในพระญาณ ประณมอัญชลี มีจิตเลื่อมใส มีใจโสมนัส ถวายบังคมพระพุทธเจ้าพระนามว่า สิทธัตถะ ด้วยอานุภาพแห่งบุญที่ได้กระทำในครั้งนั้น ในกัปที่ ๙๔ แต่กัปนี้ เราได้เสวยทิพยสมบัติมากมายหลายภพหลายชาติ เราไม่เคยไปสู่ทุคติเลย
อานิสงส์นำพระพุทธเจ้าข้ามแม่น้ำ
เราเป็นผู้ขวนขวายในวิเวก มีปัญญาและสำรวมแล้วด้วยดี ยังกายอันเป็นที่สุดอยู่ในศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในกัปที่ ๙๔ แต่กัปนี้ ที่เราได้ข้ามส่งพระชินเจ้า ด้วยกรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งบุญที่เราได้ทำไว้ในทักขิไณยบุคคลผู้เลิศ
อานิสงส์ถวายน้ำสรงสนาน
สัปบุรุษบริจาคทานมากแล้ว ก็ไม่รู้สึกเสียดาย ท่านผู้มีปัญญาเห็นแจ้ง ย่อมสรรเสริญทานที่สัปบุรุษให้แล้วอย่างนี้ บัณฑิตผู้มีศรัทธา มีใจอันสละแล้ว บริจาคทานอย่างนี้แล้ว ย่อมเข้าถึงโลกอันไม่มีความเบียดเบียน มีแต่ความสุข